บริการหลังการขายเคลือบแก้วเซรามิก คืออะไร?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า รถที่เคลือบแก้วเซรามิกแล้วร้านบอกว่ารับประกัน 2 ปี 3 ปี 4 ปี ทำไมยังต้องมีบริการดูแลหลังการเคลือบ

ต้องอธิบายอย่างนี้ครับว่า เพราะรถแต่ละคันใช้งานไม่เหมือนกัน ลูกค้าบางท่านดูแลดี จอดรถในบ้านตลอด แต่สำหรับบางท่านที่อยากเคลือบแก้วเพราะไม่มีเวลาดูแล จอดข้างนอกบ้าง ตากฝนบ้าง ถึงแม้การเคลือบแก้วจะมีส่วนช่วยให้การดูแลรักษาสีรถเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นและมีอายุการใช้งานหลายปี แต่มันก็ไม่ได้อยู่ถาวรตลอดไป งานเซอร์วิสหลังการขายจึงเป็นงานบริการสำหรับตรวจเช็คสภาพชั้นเคลือบว่าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หรือไม่ครับ เพื่อให้มั่นใจว่าชั้นเคลือบแก้วหรือเซรามิกที่ทำไป ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

บริการเซอร์วิสหลังการขายรถเคลือบแก้วเซรามิก มี 2 ประเภท

1. Service Maintenance หรือ Service Treatment

เป็นการบำรุงรักษาชั้นเคลือบแก้วเซรามิก มีการล้างทำความสะอาด เคลียร์ผิว ลบรอยสิ่งสกปรก เช่น คราบฝังลึกต่างๆ ก่อนทำการซ่อมแซมเซรามิกที่สึกกร่อนจากการใช้งาน และเติมน้ำยาบำรุงให้กลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

ยกตัวอย่างเช่น ที่ 87Garage สำหรับงานเซอร์วิสจะมีเซ็ตดูแล หลังจากล้างทำความสะอาดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการตรวจเช็คประสิทธิภาพการไล่น้ำ และรอยจากการใช้งานต่างๆ ก่อนที่จะทำการบำรุงชั้นเคลือบด้วย CARPRO Essence Plus ซ่อมแซมชั้นผิวเคลือบที่มีการสึกกร่อนจากการใช้งาน ด้วยค่า Cutting เป็น 0 (ไม่มีส่วนผสมของผงขัด) จึงไม่ทำลายชั้นผิวเคลือบแก้วหรือชั้นเซรามิกใดๆ อีกทั้งยังเติมเต็มชั้นเคลือบให้กลับมาเงาใสเหมือนเดิม และลงน้ำยาบำรุงผิวเคลือบชั้นบนสุดด้วย CARPRO Reload (มีส่วนประกอบเดียวกันกับสารเคลือบเซรามิก) เป็นตัวบำรุงชั้นผิวเคลือบเซรามิกอีกชั้นหนึ่ง มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องเพิ่มความเงางาม และการไล่น้ำให้ดียิ่งขึ้น

2. Recoat

เป็นการเคลียร์ผิวเคลือบแก้วหรือเซรามิกเดิมออกและเริ่มต้นกระบวนการเคลือบใหม่ จำเป็นต้องมีการเตรียมผิว ขัดปรับสภาพผิวใหม่เต็มระบบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในการ Recoat หรือ รีโค้ท จะถูกนับว่าเป็นเสมือนการเคลือบเซรามิกใหม่เหมือนครั้งแรกที่เข้ามาใช้บริการ อายุการใช้งานของชั้นเคลือบจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

การ Recoat ควรทำบ่อยๆ หรือไม่?

งาน Recoat ไม่จำเป็นต้องทำทุก 6 เดือน เหมือนงานเซอร์วิส เนื่องจากชั้นเคลือบแก้วเซรามิกมีแข็งและความทนทานตามอายุการใช้งานของน้ำยา ซึ่งโดยปกติเราจะทำการ Recoat ในกรณี ซ่อมสี ต้องการเคลียร์ผิวชั้นเคลือบใหม่หมด หรือ รถที่ผ่านการใช้งานหนักๆ มีริ้วรอยค่อนข้างมาก อยากเคลือบแก้วเซรามิกใหม่เหมือนครั้งแรก หรือเป็นงานที่รถผ่านการเคลือบมาเป็นระยะเวลานานเริ่มมีการเสื่อมสภาพ

เพราะทุกๆ ครั้งที่ทำ Recoat จะมีความเสี่ยงที่ทำให้ชั้น Clear coat หรือ ชั้นแลคเกอร์สีรถบางลง หรืออาจจะไม่บาง ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการขัดปรับสภาพผิวของตัวช่างเอง หรือสภาพรถที่เป็นรอยขนแมวหรือรอยลึกที่เกิดจากการใช้งาน ขึ้นอยู่กับหน้างานนั้นๆ โดยงาน Recoat ไม่จำเป็นต้องทำทั้งคันเสมอไป ยกตัวอย่างเช่น ฝากระโปรงเกิดคราบตะกรัน หรืออาจจะโดนละอองสี หากต้องการขัดหนักเพื่อลบคราบเหล่านี้ออก เราก็สามามารถทำการ Recoat เฉพาะจุดได้

สรุป ถึงแม้ว่าการเคลือบแก้วเซรามิก จะมีการรับประกันอายุการใช้งานจากผู้ผลิต แต่งานเซอร์วิสหลังการขายยังมีความจำเป็น เนื่องจากการใช้งานของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน จึงต้องมีการนำรถเข้ามาตรวจสภาพเช็คชั้นเคลือบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คงความมีประสิทธิภาพในการปกป้องสีรถให้ดีที่สุด