อัพเดทล่าสุด 14/08/2023
หากเพื่อนๆ ต้องการจะซื้อรถใหม่ และอยากให้รถที่คุณรักนั้นสวยใหม่อยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนวันแรกที่คุณซื้อ เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เพื่อนๆน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับนวัตกรรม ฟิล์มใสกันรอยปกป้องสีรถยนต์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “PPF” (Paint Protection Film) แล้วทราบหรือไม่ว่าประวัติความเป็นมาของมันมีที่มาจากอะไร?
ความสามารถของ ฟิล์มใสกันรอยภายในรถยนต์ นั้น จะช่วยให้รถของคุณดูดีขึ้น สวยนานขึ้น เนื่องจากฟิล์มกันรอยสำหรับรถยนต์มีความทนทานต่อแรงกระแทกสูง จึงช่วยปกป้องสีรถคุณจากเศษหิน และรอยขีดข่วนจากการขูดขีดต่างๆ อีกทั้งยังมีความทนทานต่อการกัดของสารเคมีที่เกิดจากมูลนก ยางไม้ คราบแมลง รวมถึงฝนกรดอีกด้วย
ความเป็นมาของฟิล์มกันรอย
เมื่อเพื่อนๆ จะตัดสินใจติดตั้ง ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ อาจจะมีข้อสงสัย ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ผมคิดว่าการได้รับข้อมูลพื้นฐานและประวัติของมันจะเป็นประโยชน์เพราะมันจะบ่งบอกถึงนวัตกรรมและการพัฒนาที่มีมาอย่างยาวนาน
ฟิล์มใสกันรอย รถยนต์ นั้นเป็นวัสดุยูรีเทนใส เทคโนโลยียูรีเทนได้รับการพัฒนาในช่วงสงครามเวียดนาม เมื่อเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ ได้เกิดอุบัติเหตุตก เนื่องจากมีความเสียหายที่ขอบของใบพัด กองทัพสหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกับ 3M เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบา แต่ยืดหยุ่น และสามารถเปลี่ยนได้โดยใช้ต้นทุนเพียงเล็กน้อยในการใช้กับใบพัดเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมด ต่อมาในปี 1970 กองทัพสหรัฐฯ ได้ขยายการใช้ฟิล์มยูรีเทนไปยังจมูกของเครื่องบินขับไล่ และเนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวประสบความสำเร็จ และมีประสิทธิภาพอย่างมากในการปกป้อง 3M จึงยังคงผลิตฟิล์มยูรีเทนที่หลากหลายสำหรับวัตภุประสงค์ทางการทหารและการบิน รวมถึงอวกาศมาจนถึงทุกวันนี้
ในช่วงปี 1980 NASCAR หรือ นาสคาร์ ตัวย่อที่ย่อมาจาก “National Association for Stock Car Auto Racing” เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการแข่งรถหลายประเภททั่วประเทศ เล็งเห็นว่าเทคโนโลยียูรีเทนจะเป็นประโยชน์ในการปกป้องชิ้นส่วนครึ่งหน้าของรถแข่งได้ เนื่องจากมีเหล่าสปอนเซอร์มากมายยอมลงทุนจ่ายเงินนวนมากเพื่อติดสติ๊กเกอร์สำหรับการโฆษณา พวกเขาจึงนำฟิล์มใสกันรอยมาติดตั้งทับสำหรับปกป้องสติกเกอร์เหล่านั้นบนรถ เพื่อให้แน่ใจว่าสติ๊กเกอร์เหล่านั้นจะไม่โดนหินและปลิวกระจายไปหมดในระหว่างการแข่ง
ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ผู้บริโภคทั่วไปอย่างเราๆ สามารถใช้ฟิล์มยูรีเทนเพื่อการปกป้องรถยนต์ได้ ตั้งแต่นั้นมา เทคโนโลยีได้รับการปรับปรุงและถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการต้อนรับจากอุตสาหกรรมยานยนต์
ปัจจุบัน ฟิล์มใสกันรอยปกป้องสีรถยนต์ เป็นสินค้า OEM ที่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิตรถยนต์กันแทบทุกราย มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็น Hydrophobic คุณสมบัติการป้องกันน้ำเกาะผิว, Auto Recovery คุณสมบัติฟิล์มคืนตัวรักษาตัวเอง, Anti-watersport / Anti-Acid คุณสมบัติป้องกันคราบน้ำและสารเคมี , Puncture resistant คุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วนหรือการเจาะทะลุ
ติด ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ดีไหม จะคุ้มค่ามากแค่ไหนมาดูกันเลย !
-
- ปกป้องสีรถยนต์: ฟิล์มใสกันรอยช่วยปกป้องสีรถยนต์จากความเสียหายต่าง ๆ เช่น รอยขีดข่วน รอยเซียนต์ และกันกระแทกจากหินขนาดเล็กหรือวัสดุอื่นๆ ที่อาจกระทบกับพื้นผิวรถยนต์และทำให้เกิดความเสียหายแก่สีได้
- ความทนทานและความยืดหยุ่น: ฟิล์มใสกันรอยที่มีคุณภาพดีมักมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น แดดร้อน ฝน หรือความเย็น มันยังมีความยืดหยุ่นที่ช่วยให้ฟิล์มสามารถปรับตัวตามรูปร่างของพื้นผิวรถยนต์ได้ดี
- สวยงามและคุณภาพที่ดี: ฟิล์มใสกันรอยช่วยเก็บสีรถยนต์ให้สวยงามและมีความเงางาม เมื่อติดให้ตรงตามมาตรฐาน มันมีลักษณะเป็นฉนวนใสที่ไม่สะท้อนแสงทำให้ดูเรียบร้อยและดีต่อตา
- รักษาคุณค่าของรถยนต์ในสภาพดี: การปกป้องสีและภาพรวมของรถยนต์จะช่วยให้รถยนต์คงค่าไว้ในสภาพดี
ติด ฟิล์มใสกันรอยรถยนต์ ราคาเท่าไหร่ ?
-
- ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณ กันชนหน้า โคมไฟ กระจกมองข้างซึ่งราคาโดยประมาณจะอยู่ที่ 15,000 – 30,000 บาท
- ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณ กันชนหน้า โคมไฟ กระจกมองข้าง และฝากระโปรงราคาโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 25,000-50,000 บาท
- ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์บริเวณเต็มหน้ารถทั้งหมดราคาก็จะประมาณ 40,000-70,000 บาท
- และราคาติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ทั้งคันประมาณ 120,000-130,000 บาท และอาจจะแพงกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของชิ้นส่วนรถยนต์ของคุณ