อัพเดทล่าสุด 14/08/2023
การจะเลือกใช้แบตเตอรี่รถยนต์สักหนึ่งลูกต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยด้วยกันเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระยะเวลาการใช้งาน แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี และสาระดี ๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ในบทความนี้ได้ ซึ่งวิธีการเลือกหลัก ๆ แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
แบตเตอรี่รถยนต์ แบบน้ำ (Conventional Battery)
หรือเรียกอีกชื่อว่า แบตเตอรี่รถยนต์ แบบเปียก เป็นแบตเตอรี่รุ่นแรก ๆ ที่ถูกนำมาใช้ในรถยนต์ ลักษณะเด่นที่สังเกตได้ คือ ด้านบนของแบตเตอรี่จะมีรูให้เติมน้ำกลั่น ซึ่งแบตเตอรี่ประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเป็นประจำ ใช้งานอย่างหนัก ต้องวิ่งทางไกล โดยเฉลี่ยแบตเตอรี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปีครึ่งตามสภาพการใช้งาน ต่อมาเป็นข้อดีข้อเสียเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ข้อดี
– ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น
– ทนทานต่อความร้อนและประจุไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่ได้ดี
– อายุการใช้งานนานกว่าประเภทอื่น
– สามารถเติมน้ำกลั่นแล้วใช้งานได้เลย
ข้อเสีย
– ดูแลรักษายาก บางครั้งอาจมีการระเหยหรือรั่วไหลได้ง่าย ต้องคอยสังเกตและดูระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะไว้อยู่เสมอ หากลืมเติมไปครั้งเดียวอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้
– ค่าแอมป์และค่า CCA จะมีน้อยกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น
– อัดประจุไฟฟ้าช้า ทำให้กระแสไฟไหลเข้าช้า เกิดความต้านทานภายในสูง
แบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่งแห้ง
เป็นแบตเตอรี่ที่พัฒนามาใหม่ล่าสุดโดยผสมผสานระหว่าง แบตเตอรี่แห้งและแบบน้ำ ลักษณะภายนอกจะคล้ายแบตเตอรี่แบบน้ำมากกว่า ออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียของไอน้ำกรดระหว่างการใช้งาน ปัจจุบันยังใช้ไม่แพร่หลายนัก โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้สามารถเติมน้ำกลั่นได้แต่ไม่ต้องเติมบ่อย ประมาณ 6-9 เดือนเติมสัก 1 ครั้งก็ได้ แรงสตาร์ทจะมีเยอะกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ ในอนาคตแบตเตอรี่ประเภทนี้อาจจะเข้ามาแทนที่แบตเตอรี่แบบน้ำ
ข้อดี
– ราคาถูกกว่าแบตเตอรี่แบบแห้ง
– การใช้งานสามารถทดแทนแบตเตอรี่แบบน้ำได้เลย
– ดูแลง่ายกว่าแบบน้ำ
– คายประจุไฟน้อย ลดการสูญเสียของไอน้ำกรด ความร้อนขึ้นสูงยาก
ข้อเสีย
– ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่แบบน้ำ
– ยังคงต้องมีการเติมน้ำกลั่น
แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free Battery)
เป็นแบตเตอรี่ประเภทตรงข้ามกับแบบน้ำ โดยแบตเตอรี่ประเภทนี้จะไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดการใช้งาน หากสังเกตลักษณะภายนอกอย่างง่าย ๆ จะเห็นว่าแบตเตอรี่ประเภทนี้ไม่มีปุ่มตรงกลางให้เติมน้ำเรียกได้ว่าปิดตายแถบเติมน้ำไปเลย ในส่วนบริเวณจ่ายกระแสไฟมีแผ่นใยแก้วที่ทำหน้าที่ปิดไม่ให้น้ำกรดในแบตเตอรี่รั่วไหลออกมา
ข้อดี
– ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องเติมน้ำกลั่น
– ค่าแอมป์และ CCA (ค่าแอมป์ในการจ่ายกระแสไฟเพื่อสตาร์ทรถในอากาศหนาว) สูงกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น
ข้อเสีย
– ราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ประเภทอื่น
– ไม่ค่อยมีรูระบายอาจเกิดความร้อนภายในได้ง่าย
– ต้องประคองให้อุณหภูมิไม่เกิน 55 องศาเซลเซียส หากเกินแบตเตอรี่จะใช้งานได้ไม่นาน
– หากซื้อมาแล้วไม่ใช้ทันที เก็บไว้นาน เมื่อนำมาใช้จะใช้งานไม่ได้
การสตาร์ทรถทำให้สตาร์ทยากขึ้นหรือสตาร์ทไม่ติด คือปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำคัญของรถนั้นไม่สามารถจ่ายไฟ วิธีเช็คแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม ไม่ยุ่งยากเลยอย่างที่คิด แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง แบบน้ำ ราคาเท่าไหร่ สามารถสอบถามได้ที่หน้าร้านขายอุปกรณ์ซ่อมรถ ดูแลรถ
(ที่มา : mybest)
ใครที่สงสัยว่าถ้าต้องซื้อแบตเตอรี่รถยนต์ ยี่ห้อไหนดีและราคาเท่าไหร่กันนะ ?
ราคาแบตเตอรี่รถยนต์แบบน้ำ ของแต่ละยี่ห้อ
- Yuasa ราคาจะอยู่ที่ 1800 – 2000 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- 3K ราคาจะอยู่ที่ 1900 – 2200 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- FB ราคาจะอยู่ที่ 2000 – 2300 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- GS ราคาจะอยู่ที่ 2300 – 2500 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
ราคาแบตเตอรี่รถยนต์แบบกึ่ง ของแต่ละยี่ห้อ
- Yuasa ราคาจะอยู่ที่ 2100 บาท รุ่น 50B24L-MF, รุ่น 50B24R-MF
- 3K ราคาจะอยู่ที่ 1900 – 2300 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- FB ราคาจะอยู่ที่ 1700 – 2300 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- GS ราคาจะอยู่ที่ 1700 – 2300 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
ราคาแบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้ง ของแต่ละยี่ห้อ
- 3K ราคาจะอยู่ที่ 2100 – 2200 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
- FB ราคาจะอยู่ที่ 2000 บาท รุ่น GOLD 44B19L-SMF
- GS ราคาจะอยู่ที่ 2300 บาท รุ่น D60L-DL
- Varta ราคาจะอยู่ที่ 2000 – 2300 บาท แล้วแต่รุ่นของแต่ละรุ่น
บทความเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์