อัพเดทล่าสุด 14/08/2023
ยางล้อรถยนต์ เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับรถ เพราะคือส่วนที่อยู่ระหว่างตัวรถ และพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา หากเติมลมยางไม่เหมาะสม ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า.. รถของเรานั้นควรเติมลมยางระดับใดถึงจะเหมาะสม เติมลมยางรถยนต์เท่าไหร่ดี
“โดยปกติรถยนต์ขนาดเล็กแรงดันลมยางควรอยู่ในระดับ 30 psi รถยนต์ขนาดกลางควรอยู่ในระดับ 36 psi และสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ควรอยู่ในระดับ 42 psi”
เติมลมยางรถยนต์เท่าไหร่ดี ถึงดีที่สุด?
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า เติมลมยางรถยนต์เท่าไหร่ รถยนต์แต่ละคันจะระบุสเปกความดันลมยางตามค่ามาตรฐานมาให้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่สามารถทำการตรวจสอบได้ที่มุมของประตูฝั่งคนขับ โดยจะมีสติกเกอร์แสดงแรงดันลมที่เหมาะสมแปะเอาไว้อยู่ หรือหากหาไม่เจอ สามารถนำรุ่นของรถไปเสิร์ชหาในเว็บไซต์ได้
โดยทั่วไป แรงดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับการเติมลมยางรถเก๋ง (ขอบล้อขนาด 15 นิ้ว) จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 psi (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) สำหรับล้อหน้าและล้อหลัง กรณีที่บรรทุกของด้านหลังจนเต็ม อาจเพิ่มปริมาณแรงดันลมยางได้ถึง 33-35 psi เนื่องจากการบรรทุกน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งาน
สำหรับรถกระบะนั้น จะค่อนข้างใช้แรงดันลมยางที่มากกว่ารถเก๋งปกติ โดยหากไม่มีสิ่งของบรรทุก ควรมีปริมาณแรงดันล้อหน้าอยู่ที่ 36-38 psi และล้อหลังที่ 40-42 psi ซึ่งหากมีน้ำหนักบรรทุกของเต็มด้านท้าย ควรเพิ่มแรงดันลมยางขึ้นเป็น 47-51 psi เพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกขึ้นอยู่กับการใช้งานและป้องกันรถยางระเบิดหากขับขี่ด้วยความเร็วสูง และที่สำคัญ คือ ไม่ควรเติมลมยางขนาดที่ยางมีความร้อนสะสมอยู่
การเติมลมยางที่ไม่เหมาะสมกับตัวรถจะเกิดอะไรขึ้น?
หลายๆ คนที่ขับรถโดยเฉพาะมือใหม่ มีความเชื่อที่ว่าควรเติมยางอ่อนกว่าปกติ เพราะเชื่อว่าเวลารถวิ่งแล้วไม่กระเด้ง มีความรู้สึกขับขี่นุ่มนวลขึ้น แท้จริงแล้วผลเสียที่ตามมาก็คือ ขอบยางหรือแก้มยางอาจปริแตก จะเสี่ยงทำให้ยางระเบิดขณะขับขี่ได้ อีกทั้งยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเชื้อเพลงมากขึ้นอีกด้วย
เติมลมยางเท่าไหร่ดี หรือหากเติมลมยางมากจนเกินพอดี ก็จะทำให้ลดประสิทธิภาพการเกาะถนนของยาง และทำให้ช่วงล่างแข็งกระด้างมากขึ้น ไม่มีความนุ่มนวล ส่งผลต่อช่วงล่างของรถรับภาระหนักมากขึ้นในระยะยาว และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ด้วยเช่นกัน
ควรเติมยางรถยนต์บ่อยแค่ไหน?
โดยปกติแล้ว แรงดันยางจะลดลงเฉลี่ย 2-3 psi ใน 1 เดือน แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับปริมาณการขับขี่ของเจ้าของรถยนต์ด้วย จึงควรทำการตรวจสอบปริมาณแรงดันยางเฉลี่ยเดือนละครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ทำการขับขี่บ่อยๆ
การดูแลรักษายางรถยนต์
- เช็กลมยางทุกครั้งก่อนใช้งาน
- ตรวจสอบสภาพยางว่า มีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ เช่น มีตะปูตำล้อ ซึ่งหากไม่มีการตรวจเช็ก เมื่อขับไปเรื่อยๆ นอกจากจะทำให้ยางแบนแล้ว ยังทำให้ล้อบดถนน จนเป็นสาเหตุให้ล้อรถเกิดความเสียหายได้
- ใช้น้ำยาบำรุงยางรถ
การดูแลรักษายางรถยนต์ให้พร้อมเสมอจะช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ควรหมั่นเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และควรสังเกตุอาการรั่วซึมอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย
รู้ไหมว่า ยางรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีสุดและราคาคุ้มค่าที่สุด ?
Michelin สมบูรณ์แบบสำหรับรถยนต์ของคุณจากตารางยางที่มีให้เลือกมากมายของเราในประเทศไทย
ด้านล่างคือตารางยางรถยนต์ทุกรุ่นที่ผลิตโดย Michelin เราครอบคลุมยางรถยนต์ Michelin -รุ่นสำหรับรถยนต์ยอดนิยมอย่างรถ SUV รถแฮทช์แบ็ค รถซีดาน รถ MPV รถกระบะและอื่นๆ ราคายางรถยนต์ยี่ห้อ Michelin ให้เลือก
ราคาเริ่มต้นเส้นละ 1,950 – 9,990
Yokohama ยางคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ทำความรู้จักกับแบรนด์ยางรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่น วิธีเลือกซื้อยางรถยนต์ให้เหมาะและขับขี่ปลอดภัยจาก Yokohama กับเราได้ที่ iPrice Thailand เราได้รวบรวม Yokohama ราคา จากร้านค้าออนไลน์ชั้นนำจากทั่วประเทศไทยมาให้คุณเลือกกันแบบจุใจ เรามีให้คุณเลือกเช็คราคา
ราคาเริ่มต้นเส้นละ 2,390 – 6,790
Bridgestone เป็นผู้ผลิตยางรถที่มีชื่อเสียงมาก โดยจุดเด่นของยาง จะมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้ขับขี่รถยนต์ให้ได้มากที่สุด ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นประเภทรถ ขนาดของยาง รวมถึงสไตล์การขับขี่ของแต่ละบุคคล
ราคาเริ่มต้นเส้นละ 2,290 – 8,090
วิธีดู ยางรถยนต์ ถ้ารั่วต้องทำไง ?
ปัญหา ยางรถยนต์รั่ว ซึมที่มีสาเหตุทั้งจากเศษวัสดุบนท้องถนน อย่างตะปู น็อต หรือของแหลมคมที่ผู้ขับขี่มักจะไม่เคยได้สังเกต จนทำให้รถของเรายางอ่อนลง หรือขณะที่ขับรถอาจจะทำให้รถของคุณส่ายได้ วันนี้เราจะอยากจะมาแนะนำวิธีการดูยางรั่วและวิธีการแก้ปัญหาของยางรถรั่วของคุณ หรือยางรถยนต์รั่ว ทําไง ? 87Garage ที่นี่มีคำตอบ
การหาตำแหน่งรั่วหรือวิธีดูยางรถยนต์รั่ว
- แช่ยางลงในน้ำ แล้วสังเกตว่าาฟองอากาศออกในช่วงไหนก็คือตรงนั้นที่รั่ว ให้แช่น้ำไว้ 5 นาที แล้วพลิกอีกฝั่งว่ามีรูรั่วจริงไหม ?
- ฟังเสียงและสัมผัส โดยจะมีเสียงลมออกจากยางในตรงที่รั่ว ลองเอามือสัมผัสลม และอีกอย่างในตรงส่วนที่รั่วจะมีความรู้สึกร้อนกว่าที่อื่น ให้คุณสัมผัสว่าตรงไหนที่ร้อนที่สุดนั่นก็อาจเป็นจุดที่ทำให้ยางรถของคุณรั่ว
- นำน้ำผสมผงซักฟอกพ่นที่ยาง ให้พ่นไปทุกที่ของล้อแล้วให้คุณสังเกตว่าจุดที่มีการรั่วซึมนั้นจะมีฟองน้ำใหญ่ขึ้นมาจากจุดนั้น นี่ก็เป็นอีกวิธีการดูการรั่วของยาง
สาเหตุอะไรที่ทำให้ยางรถยนต์รั่ว มีดังนี้
1 ถูกตะปูหรือวัสดุแหลมคมทิ่มตำ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่เป็นสาเหตุให้ยางรถรั่ว โดยทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ แต่หากสิ่งของที่แหลมคมนั้นยังทิ่มค้างอยู่ในตัวยางนี่ก็ทำให้ยางรถของคุณรั่วได้แน่นอน
2 ขอบยางชำรุด ทำให้ยางกับล้อไม่สนิทกัน ตรงนี้จึงเกิดให้มีรอยรั่วได้ สาเหตุเหล่านี้มักพบบ่อยๆ ในอายุการใช้งานของยางเก่าหรือปีผลิตออกมานานแล้ว
3 ความเสียหายที่แก้มยาง หากคุณได้มีการขับรถเบียดขอบทาง หรือฟุตบาท สาเหตุนี้ก็ทำให้ยางผิดรูปอาจทำให้ลมยางซึมออกแล้วรั่วได้
4 แกนวาล์วหรือจุ๊บลมชำรุด ฝาเปิดปิดจุกเติมลมเก่าหรือชำรุด อาจกทให้สารเคมีต่าง ๆ ทำให้เสื่อมสภาพได้ เช่นอาจเป็นเพราะดินทรายเข้าไปในรู ทำให้วาล์วภายในซึ่งป้องกันลมออกเสียหาย จนเกิดการรั่วได้
5 ล้อคดหรือเบี้ยว ดารสึกกร่อนหรือการกระแทกอย่างรุนแรงของล้อจนทำให้คด เบี้ยวก็ทำให้ยางรถรั่วได้ หรือสังเกตง่ายง่ายๆ ตอนขับรถของคุณจะมีแรงสั่นสะเทือนนั่ก็เป็นสาเหตุชำรุดของขอบยาง ที่เป็นสาเหตุของการรั่วซึมได้
การแก้ปัญหาเมื่อ ยางรถยนต์ รั่วหรือซึม !
1.ปะยางรถยนต์ มีทั้งหมด 3 รูป จะมีข้อดี ข้อเสียยังไงมาดูกันเลย !
-
-
- ปะยางแบบสตรีมร้อน หลังทำแล้วจะค่อนข้างทน รั่วซึมยาก ไม่ต้องกังวลเมื่อบรรทุกของหนัก แต่ข้อเสียอาจทำให้ยางผิดรูป
- ปะยางแบบสตรีมเย็น ไม่ทำให้ยางเสียรูป แต่มีข้อเสียคือรองรับน้ำหนักมากไม่ได้
- ปะยางแบบสอดไส้หรือแทงเข็ม เป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วเพราะไม่ต้องถอดยาง รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายไม่แพง
-
2.เปลี่ยนแกนวาล์วหรือจุ๊บลม สำหรับรถที่มีแกนวาล์วหรือจุ๊บลมชำรุดหรือเก่ามากเกินไป
3.ซ่อมล้อ สหรับใครที่มีปัญหาล้อคดหรือเบี้ยว