อัพเดทล่าสุด 14/08/2023
การต่ออายุใบขับขี่ เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องคำนึงถึงอยู่เสมอ ซึ่งในปัจจุบันการต่อใบขับขี่ที่หมดอายุหรือใกล้จะหมดไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ไม่ต้องต่อคิวให้เสียเวลาเหมือนเมื่อก่อน สามารถจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้เลย เพียงแต่ การเตรียม “เอกสารต่อใบขับขี่” จะต้องเตรียมเอกสารใดบ้าง และมีค่าใช้จ่ายในการต่อใบขับขี่ ทั้งหมดเท่าไหร่ หาคำตอบได้ในบทความนี้
ขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ออนไลน์ แบบง่ายๆ ที่สามารถทำได้กันทุกคน
การต่อใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี ใบขับขี่ชนิด 2 ปี หรือใบขับขี่แบบชั่วคราว เป็นใบขับขี่สำหรับผู้ที่ ทำใบขับขี่ใหม่ เป็นครั้งแรก เมื่อครบกำหนดอายุของใบขับขี่แล้ว มาดำเนินการต่ออายุก็จะได้รับใบขับขี่ชนิด 5 ปี โดยไม่ต้องเข้ารับการอบรม
ต่อใบขับขี่ใช้เอกสารอะไรบ้าง ?
-
- ใบขับขี่ชั่วคราว 2 ปี
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์แสดงว่า ผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวอันอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งมีอายุใช้ได้ตามที่แพทย์ผู้รับรองกำหนด แต่ต้องออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี ทำอย่างไร?
-
- จองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue / iOS Link: https://apple.co/2GIHARd แอนดรอยด์ Link: http://bit.ly/2IkLpyO
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบไปด้วย
- ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้าในการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ
- ออกใบอนุญาตขับรถ
หมายเหตุ :
- สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ ทันทีที่ถือใบอนุญาตขับรถครบ 1 ปี
- หากขาดเกิน 1 ปี ต้องอบรม 5 ชั่วโมง และทดสอบข้อเขียนใหม่
- หากขาดเกิน 3 ปี ต้องอบรม 5 ชั่วโมง ทดสอบข้อเขียนใหม่ และทอสอบขับรถใหม่
การต่อใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 5 ปี เป็น 5 ปี
ใบขับขี่ชนิด 5 ปี เป็นใบอนุญาตขับรถยนต์แบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยที่สุด เพราะเป็นใบอนุญาตที่จะได้รับมาหลังจากการใช้ใบขับขี่ชั่วคราวมาครบตามอายุ 2 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นใบอนุญาตขับขี่อายุ 5 ปี
ต่อใบขับขี่ เอกสารที่ต้องเตรียม
-
- ใบขับขี่ฉบับเดิมตัวจริง
- บัตรประชาชนฉบับจริง
- ใบรับรองแพทย์แสดงว่า ผู้ขอไม่มีโรคประจำตัวอันอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ และไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งมีอายุใช้ได้ตามที่แพทย์ผู้รับรองกำหนด แต่ต้องออกก่อนวันยื่นคำขอไม่เกิน 1 เดือน
ขั้นตอนการต่อใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 5 ปี เป็น 5 ปี ทำอย่างไร?
-
- ให้อบรมผ่าน e-Learning ได้ทาง www.dlt-elearning.com
- การต่อมบขับขี่สามารถดำเนินการได้ทั้ง walk-in หรือ จองคิวผ่านแอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue / iOS Link: https://apple.co/2GIHARd แอนดรอยด์ Link: http://bit.ly/2IkLpyO
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบไปด้วย
- ทดสอบการมองเห็นสี ที่จำเป็นในการขับรถ
- ทดสอบสายตาทางลึก
- ทดสอบสายตาทางกว้าง
- ทดสอบปฏิกิริยาเท้าในการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ
- ออกใบอนุญาตขับรถ
หมายเหตุ :
- สามารถต่อก่อนล่วงหน้าได้ 90 วัน
- หากขาดเกิน 1 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง และทดสอบข้อเขียนใหม่
- หากขาดเกิน 3 ปี ต้องอบรม 2 ชั่วโมง ทดสอบข้อเขียนใหม่ และทดสอบขับรถใหม่
เข้าอบรมผ่าน E-Learning ใบขับขี่ ขั้นตอนง่าย ประหยัดเวลา!
การอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำใบขับขี่ ไม่ต้องเสียเวลาไปยืนต่อคิวให้เมื่อย และยังเป็นการลดความเสี่ยงจากเชื้อไวรัสโควิด 19 จากการอยู่กับกลุ่มคนหมู่มาก สามารถรับการอบรมได้ง่ายๆ ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์มอะไรให้วุ่นวาย
สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
-
- สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ เลือกเครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่งที่จะใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในการอบรมต่อใบขับขี่ และเตรียมเข้าเว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ สำหรับการอบรมผ่านระบบ DLT e-learning ซึ่งเป็นระบบของกรมขนส่งทางบกโดยตรง
- เตรียมข้อมูลบัตรประชาชน เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิด สำหรับการกรอกข้อมูลลงในเว็บไซต์
- เตรียมเวลา สำหรับการนั่งฟังการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ โดยเวลาการอบรมนั้นจะแตกต่างกันไปในประเภทของใบขับขี่ ควรเลือกวัน และเวลาที่สะดวก ไม่มีธุระเร่งด่วน
ขั้นตอนการเข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์
-
- เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.dlt-elearning.com/ แล้วกดลงทะเบียนเข้ารับการอบรมต่อใบขับขี่
-
- กรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วน
-
- เลือกการอบรม ตามใบอนุญาตขับรถที่ต้องการต่ออายุ
-
- ดูวีดีโอการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ให้จบ ในการเข้ารับชมวีดีโอการอบรมใบขับขี่ออนไลน์ โดยจะต้องรับชมให้จบ ไม่สามารถปิดหน้าต่างทิ้ง หรือกดข้ามได้ ควรตั้งใจฟังเพราะเมื่อวีดีโอจบจะมีให้ตอบคำถามด้วย
หลังจากผ่านการอบรมต่อใบขับขี่แล้วควรทำอย่างไรต่อ?
เมื่อผ่านขั้นตอนการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์แล้ว เราจะต้องเตรียมไปยื่นเอกสารต่างๆ ที่สำนักงานขนส่งด้วยตัวเอง โดยเราสามารถจองคิวล่วงหน้าก่อนได้เพื่อความสะดวกสบาย โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ :
-
- โหลด แอปพลิเคชั่น DLT Smart Queue โดยคลิกที่ลิงค์ด้านล่าง iOS : https://apple.co/2GIHARd แอนดรอยด์ : http://bit.ly/2IkLpyO หรือ https://gecc.dlt.go.th
- เมื่อเข้าไปในแอปแล้วให้กรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อสมัครใช้งาน
- เลือกสำนักงานขนส่งที่สะดวกไปต่อใบขับขี่ จากนั้นเลือกวันเวลาที่สะดวก และกดยืนยัน
- บันทึกหน้าจอเป็นหลักฐานเพื่อไปยื่นในวันที่ดำเนินการ
ต่อใบขับขี่หมดอายุใช้เอกสารอะไรบ้าง ? 87Garage มีคำตอบ !
ใบขับขี่ที่หมดอายุนั้น หากไปดำเนินการขอต่อใบขับขี่ใบใหม่ภายในระยะเวลาที่กำหนดสามารถต่อใบขับขี่ใบใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้ารับการอบรมโดยมีระยะเวลาดังนี้
ต่อใบขับขี่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ใบขับขี่หมดอายุ
สามารถทำเรื่องขอรับใบขับขี่ใบใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการสอบ มีค่าธรรมเนียมการต่ออายุตามอัตราปกติคือ รถยนต์ 505 บาท และรถมอเตอร์ไซค์ 255 บาท
ต่อใบขับขี่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ใบขับขี่หมดอายุ
ใบขับขี่หมดอายุไปแล้วเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี นั้นสามารถขอรับใบขับขี่ใบใหม่ได้ โดยต้องผ่านการสอบข้อเขียนให้คะแนนผ่านร้อยละ 90 จากคะแนนสอบทั้งหมด
ต่อใบขับขี่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ใบขับขี่หมดอายุ
สำหรับใครที่ไปดำเนินการขอต่อใบขับขี่ โดยเว้นช่วงระยะเวลาเกิน 3 ปี นับจากใบขับขี่เดิมหมดอายุ จะต้องผ่านการสอบข้อเขียน การสอบปฏิบัติ และยังต้องใช้ใบรับรองแพทย์อีกด้วย
โดยจะต้องเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกายและผ่านการอบรม จึงจะสามารถขอรับใบขับขี่ใบใหม่ได้ โดยใช้เอกสาร
-
- ใบขับขี่เดิมหรือใบแทน
- บัตรประชนชนฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
ทำไมต่อใบขับขี่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์กันนะ ?
สาเหตุที่การต่อใบขับขี่จำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ นั่นก็เพราะว่า เพื่อเป็นการรับรองว่าผู้ขับขี่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือสมรรถภาพร่างกายไม่พร้อมสำหรับการขับขี่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ และต้องไม่เกิน 1 เดือนจึงจะสามารถใช้ได้
ค่าทำใบขับขี่หรือใบอนุญาตขับรถ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ ?
ทั้งการต่อใบขับขี่จากชนิดชั่วคราว 2 ปี เป็น 5 ปี และ การต่อใบขับขี่ 5 ปี เป็น 5 ปี มีราคาที่ต้องจ่ายเท่ากันคือ
-
- รถยนต์ 505 บาท (ค่าคำขอ 5 บาท และค่าใบขับขี่ 500 บาท)
- รถมอเตอร์ไซค์ 255 บาท (ค่าคำขอ 5 บาท และค่าใบขับขี่ 250 บาท)
ใบขับขี่ มีความสำคัญในการใช้เป็นหลักฐานที่แสดงว่าผู้ถือใบขับขี่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถประเภทนั้นๆ โดยได้ผ่านการทดสอบตามที่กรมขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนดไว้ หากผู้ขับขี่รถ ไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ ถือว่าผิดกฎหมาย และต้องได้รับโทษตามกฎหมาย (ผู้ใดขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ เนื่องจากสิ้นอายุ อยู่ระหว่างการถูกเพิกถอน หรือถูกยึดใบอนุญาตขับขี่ จะต้องถูกระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท)