เคลือบเซรามิก เคลือบแก้ว ราคาเท่าไหร่ ที่นี่ 87Garage มีคำตอบ !!!

อัพเดทล่าสุด 14/08/2023

การเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก เป็นการเคลือบด้วยน้ำยาเคลือบแข็งแบบกึ่งถาวร (semi-permanent) โดยมีส่วนผสมของสาร Silica (ซิลิก้า) เป็นหลัก มีระดับความแข็งตั้งแต่ 1H-10H โดยหลังจากที่เคลือบไปแล้วเมื่อสัมผัสกับอากาศจะเกิดการแข็งหรือเซ็ตตัวของน้ำยาและกลายเป็นชั้นเคลือบผิวสำหรับปกป้องสีรถ สามารถช่วยปกป้องรถจาก คราบสกปรกจากมูลนก ฝุ่น คราบน้ำ ยางไม้ และรอยขีดข่วนต่างๆ ได้ ช่วยยืดอายุการใช้ของของสีผิวรถได้ ทำให้สีรถดูสดใหม่ ไม่หมอง สวยใสเหมือนรถไปแดงอยู่ตลอดเวลา

สำหรับราคาของการเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิก มีสิ่งที่ควรพิจารณา 3 ปัจจัย ดังนี้

    1. ขั้นตอนการทำงานการปรับสภาพผิว
    2. น้ำยาที่ทางร้านเลือกใช้
    3. การรับประกัน และบริการหลังการขาย

(ไม่นับรวมปัจจัยอื่นๆ เช่น ค่าเช่าที่ร้าน ค่าอุปกรณ์ ค่าจ้างพนักงาน อื่นๆ)

ปัจจัยแรก ขั้นตอนการทำงานการปรับสภาพผิว

ปัยจัยที่มีผลต่อราคาเคลือบแก้ว หรือเซรามิกหลักๆ ของการปรับสภาพผิวจะมี 3 ประเภท

1.การปรับสภาพผิวแบบขัดชักเงา นิยมในศูนย์บริการที่ขายรถยนต์

การปรับสภาพผิวรถ แบบขัดชักเงา หรือ Wet Look คือการขัดเพื่อฟื้นฟูสภาพสีรถให้กลับมาเงาใสอีกครั้ง โดยการขัดประเภทนี้จะสามารถลบรอยบางๆ ที่ไม่ลึกมากเกินไป สามารถขจัดคราบไคล และคราบสกปรกจ่างๆ ที่ติดอยู่บนผิวและไม่สามารถขจัดออกได้ด้วยการล้างรถ ส่วนใหญ่นิยมปรับสภาพผิวแบบนี้ในศูนย์รถใหม่ป้ายแดง ใช้ระยะเวลาในการปฏิบัติงานประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนเคลือบ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน

ราคาค่าบริการ ประมาณ 3500-5000 บาท

2.การปรับสภาพสีผิวแบบเต็มระบบ นิยมในศูนย์บริการดูแลรักษารถยนต์ หรือคาร์ดีเทลลิ่งเฉพาะทาง

เป็นการขัดปรับสภาพสีผิวเต็มระบบสำหรีบเตรียมผิวก่อนเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิก มีทั้งหมด 3 ขั้นตอนได้แก่ การขัดลบรอย การปรับสภาพผิว และการขัดชักเงา โดยโปรแกรมนี้เป็นที่นิยมสำหรับรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้วให้กลับมาดูดี มีสภาพเหมือนรถใหม่ หรือหากเป็นรถใหม่ป้ายแดงก็สามารถขัดได้ เป็นการขัดลบชั้นแล็กเกอร์ส่วนเกินให้มีความเงาใสขึ้น สีดูฉ่ำมีมิติมากยิ่งขึ้น ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 ชั่วโมง ในการปฏิบัติงานก่อนเคลือบ ขึ้นอยู่กัยสภาพผิวรถของคุณลูกค้า

เคลือบแก้ว ราคา ค่าบริการ ประมาณ 1x,xxx – 5x,xxx บาท

3.การปรับสภาพสีผิวแบบปรับผิวส้ม นิยมในศูนย์บริการคาร์ดีเทลลิ่งเฉพาะทาง

เป็น การขัดปรับผิวส้มชั้น แล็กเกอร์ที่อยู่ผิวนอกสุดของสีรถที่ไม่เรียบ มีลักษณะเป็นคลื่นๆ มีผิวขรุขระ สาเหตุเกิดจากรถใหม่ที่มาจากโรงงานใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติพ่นสี เป็นน้อยเป็นมากอยู่ที่มาตรฐานของการผลิตของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งการขัดปรับผิวส้มก่อนเคลือบ จะทำให้ชั้นแล็กเกอร์มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอเหมือนกระจก พอแสงแดดหรือแสงไฟสะท้อนจะมีความเงางามชัดเจนมากยิ่งขึ้น

แต่การขัดแบบนี้ต้องแลกมากับชั้นแล็กเกอร์ที่บางลง ช่างขัดจะต้องมีความชำนาญอย่างสูง เครื่องมือและน้ำยาต้องเฉพาะทาง ช่างขัดต้องมีความสามารถประเมินหน้างานได้ว่าควรขัดปรับผิวส้มหรือไม่ควร เนื่องจากชั้นสีแล็กเกอร์ของรถแต่ละคันไม่เท่ากัน เพราะหากขัดมากไปแล้วรถเงาแต่ชั้นแล็กเกอร์บาง ในอนาคตหากรถเกิดมีรอยขีดข่วน จะทำให้การแก้ไขลบรอยขีดข่วนเหล่านั้นเป็นไปได้ยา หากที่หาข้อมูลและสงสัยว่า ขัดสีรถยนต์ เคลือบแก้ว ราคาเท่าไหร่ คือ ราคาค่าบริการ ประมาณ 4x,xxx – 1xx,xxx บาท

ปัจจัยที่สอง น้ำยาเคลือบที่ทางร้านเลือกใช้

น้ำยาเคลือบแก้วหรือเซรามิก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อราคาแพ็กเกจเคลือบของแต่ละศูนย์บริการ โดยจะแบ่งเป็น

1.น้ำยาเคลือบแบบ DIY และแบบมืออาชีพ

2.น้ำยาเคลือบแบบ OEM และแบบ Inter Brand

 

1.น้ำยาเคลือบแบบ DIY และแบบมืออาชีพ

น้ำยาเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก แบบ DIY เป็นน้ำยาที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดูแลรถด้วยตนเอง มีความแข็งและการป้องกันใกล้เคียงในระดับกับผลิตภัณฑ์เคลือบเซรามิกแบบมืออาชีพ มีความต้องการในการเตรียมงานที่น้อยกว่า และสามารถทำเองได้ง่ายกว่า

ข้อดี

    • ค่าใช้จ่ายราคาถูกกว่า
    • มีคุณสมบัติการไล่น้ำใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์เคลือบที่ถูกออกแบบมาสำหรับมืออาชีพ

ข้อเสีย

    • ต้องใช้ความพยายามในการเตรียมผิวรถด้วยตนเอง
    • อาจพบสินค้าผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพในตลาด
    • อายุการใช้งานไม่คงทน ต้องหมั่นคอยเคลือบซ้ำ

น้ำยาเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก แบบมืออาชีพ เป็นน้ำยาเคลือบปกป้องสีรถคุณภาพสูงระดับมืออาชีพที่ได้รับการรับรองจากบริษัทฯ ผู้ผลิต ถึงจะสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สารเคลือบนั้นๆ ได้ ซึ่งจะมีการใช้เวลาในการเตรียมงานมากกว่า และการใข้งานยากกว่า เริ่มตั้งแต่การทำความสะอาดผิวอย่างละเอียด ไปจนถึงการเตรียมผิว และ การเคลือบเซรามิก สิ่งสำคัญคือต้องขจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นผงเบรก หรือสารปนเปื้อนอื่นๆ ออกจากสีรถก่อนที่จะทำการเคลือบ

ข้อดี

    • มีการรับประกัน และบริการหลังการขายจากศูนย์บริการ
    • อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
    • ได้รับความเงางามที่เหนือกว่า
    • ค่าบำรุงรักษาต่ำเพราะไม่ต้องคอยเคลือบซ้ำบ่อยๆ

ข้อเสีย

    • ราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับการเคลือบแบบ DIY
    • หากผู้ซื้อไม่ได้ศึกษาหาข้อมูล อาจพบเจอศูนย์บริการที่ไม่ได้คุณภาพหรือมาตรฐานที่อาจทำให้ได้ผลงานที่ไม่ดี

2.น้ำยาเคลือบแบบ OEM และแบบ Inter Brand

  • น้ำยาเคลือบแบบ OEM เป็นน้ำยาเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกที่ผลิตภายใต้บริษัทฯ ที่ไม่ได้ผลิตผลิตภัณฑ์โดยตรง แต่ใช้เทคโนโลยีที่ตนเองมีอยู่เพื่อรับผิดชอบในการออกแบบและผลิตสินค้า

ข้อดี

    • มีต้นทุนต่ำ
    • สารเคลือบมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับน้ำยา Inter Brand

ข้อเสีย

    • เทคโนโลยีอาจล้าสมัยหากบริษัทฯ ที่ผลิตนั้นไม่มีทีมวิจัยพัฒนา
    • น้ำยาเคลือบที่ผลิตถูกเลียนแบบได้ง่าย
    • ไม่สามารถปรับเปลี่ยนสูตรน้ำยาได้
  • น้ำยาเคลือบแบบ Inter Brand เป็นน้ำยาเคลือบที่เป็นแบรนด์มีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จัก นำเข้าจากต่างประเทศ มีเทคโนโลยีในการปกป้องสีรถที่ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้รับการยอมรับจากคาร์ดีเทลลิ่งทั่วโลก

ข้อดี

    • มีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ได้
    • สารเคลือบมีเอกสารการรับรอง ผลทดลองในการปกป้องสีรถ
    • มีทีมนักวิจัย ออกแบบ และพัฒนาเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ
    • ผลิตภัณฑ์เคลือบมีคุณภาพ สามารถปกป้องสีรถได้ยาวนานกว่า และทนทานกว่า

ข้อเสีย

    • มีราคาต้นทุนค่อนข้างสูง

ปัจจัยที่สาม การบริการหลังการขาย

การบริการหลังการขายเป็นอีกส่วนหนึ่งสำคัญที่มีผลต่อปัจจัยราคาของการเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก เพื่อให้การเคลือบนั้นช่วยให้รถเงางามได้ยาวนาน จึงจำเป็นต้องมีวิธีดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เช่น “การบำรุงรักษาชั้นเคลือบ” หรือเรียกสั้นๆว่า “การเซอร์วิส” รวมถึงการเคลมชิ้นงานเคลือบในกรณีที่รถของผู้ใช้เกิดอุบัติเหตุ

โดยปกติศูนย์บริการเคลือบแก้ว หรือ เคลือบเซรามิก ราคา ค่าบริการเซอร์วิสชั้นเคลือบไว้ในแพ็กเกจอยู่แล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณราคาของลูกค้า แต่บางศูนย์บริการจะมีการคิดค่าบริการเคลือบแก้วหรือเซรามิกในราคาที่ถูก แต่จะมีเก็บเพิ่มเติมในกรณีที่ลูกค้ามาเซอร์วิสเพิ่มเติม โดยมีราคาตั้งแต่ประมาณ ครั้งละ 1,000 – 1,500 บาท สมมติหากมีการรับประกันชั้นเคลือบแก้วหรือเซรามิกอยู่ที่ 2 ปี และมีการบำรุงรักษาชั้น เคลือบ ceramic ทุก 6 เดือน เท่ากับว่า ลูกค้าอาจต้องจ่ายค่าบริการเซอร์วิสเพิ่มเติมอีก 4,000-6,000 บาท เมื่อครบระยะประกัน

เมื่อคำนวณขั้นตอนการทำงานรวมถึงค่าเซอร์วิส และน้ำยาเคลือบเซรามิกแล้ว อีกสิ่งที่ควรพิจารณาในเลือกราคาเคลือบเซรามิกคือ ความน่าเชื่อถือของทางร้าน คุณลูกค้าที่ต้องการปกป้องสีรถด้วยการเคลือบแก้วหรือเซรามิก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอดูผลงานจากทางศูนย์บริการ เพื่อเป็นอีก 1 ในเหตุผลในการประกอบการตัดสินใจ เพื่อที่สุดท้ายแล้วรถที่คุณรักจะได้รับการปกป้องที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด