รู้หรือไม่? ระดับความเข้มฟิล์มกรองแสงรถยนต์ควรติดเท่าไหร่ ?

อัพเดทล่าสุด 14/08/2023

ในวันที่แดดแรงรวมถึงสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลทำให้หลายคนอยากจะติดฟิล์มกรองแสง แต่หลายคนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเลือก ความเข้มของฟิล์มรถยนต์ เท่าไร จึงจะเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ของแต่ละคน เราขอแนะนำว่าให้เริ่มพิจารณาจากพฤติกรรมการขับขี่ของตัวเองก่อนว่าใช้การขับขี่รถในช่วงเวลาใดเป็นหลัก กลางวันหรือกลางคืน และต้องการความเป็นส่วนตัวมากขนาดไหน เพราะถ้าเจอแดดแรงในช่วงกลางวันบ่อย เราขอแนะนำให้เลือก ความมืดของฟิล์มรถยนต์ ที่ระดับ 60% ติดรอบคัน หรือถ้าต้องการให้อุณหภูมิความร้อนลดลงร่วมด้วยให้เลือกระดับ ความเข้มฟิล์มรถยนต์ บานหน้า 60% รอบคัน 80% ส่วนของคนที่ขับขี่กลางคืนเป็นหลักแนะนำให้เลือกความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 40% ติดบานหน้า โดยอาจพิจารณาเพิ่มเติมจากข้อมูลต่อไปนี้

เทคนิคการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์

ทุกวันนี้มี ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ สำหรับตลาดในไทยมีให้เลือกมากมายหลากหลายยี่ห้อ อย่างไรก็ตามฟิล์มกรองแสงแต่ละยี่ห้อก็มีประสิทธิภาพในการลดความร้อนแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับงบประมาณส่วนนี้ที่ถูกจ่ายออกไป ยี่ห้อที่เลือกซื้อแนะนำว่าควรเป็นแบรนด์มาตรฐานและความน่าเชื่อถือ เช่น ฟิล์มกรองแสงจาก 3M ซึ่งเป็นฟิล์มกรองแสงที่มี ความเข้มฟิล์มของรถยนต์ เป็นมาตรฐานจากอเมริกา ผ่านการรับรองคุณภาพจากสถาบันด้านฟิล์มกรองแสงและสถาบันมะเร็งผิวหนัง จึงทำให้ไม่ต้องกังวลในเรื่องของความร้อนที่จะเข้ามารบกวนตัวผู้ใช้รถในระหว่างการขับขี่ โดยมีรุ่นต่างๆ ให้เลือกมากมายที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์การขับขี่

ระดับฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ติดเท่าไหร่ดี ?

ระดับฟิล์มรถยนต์

สิ่งสำคัญที่จะต้องเลือกในการติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ คือเรื่องของระดับ ความเข้มของฟิล์มรถยนต์ ที่จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ระดับหลัก ดังนี้

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 40 / 60 / 80 / 100

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 40

เป็นระดับความเข้มที่อ่อนหรือน้อยที่สุด และมักจะถูกติดในส่วนของกระจกบานหน้าผู้ขับขี่ เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนยังคงมองเห็นทัศนะวิสัยได้อย่างชัดเจน ส่วนของการมองจากคนภายนอกมองเข้าไปก็จะยังสามารถมองเห็นภายในรถได้อย่างชัดเจน ฟิล์มกรองแสงความเข้มระดับ 40 จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟิล์มที่มีความใส บาง หรืออาจจะพึ่งหัดขับขี่รถ เพื่อให้การขับขี่ในช่วงเวลากลางคืนมีทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น ก็เหมาะสมที่จะเลือกระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงระดับแรกนี้ เพราะสำหรับมุมมองของคนขับ ก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 60

เป็นระดับความเข้มปานกลาง มองจากระยะไกลจะเห็นว่าฟิล์มมีความมืด จึงให้ความเป็นส่วนตัวได้ค่อนข้างสูง คนที่มองเข้าไปจากด้านนอกจะมองเห็นเพียงรางๆ ในเรื่องของความสามารถในการป้องกันความร้อนก็ทำได้ดี มีคุณภาพสูงเต็มศักยภาพ หากมีผู้คนมองจากระยะไกลเข้าไปภายในก็แทบจะมองไม่เห็น สำหรับมุมมองของผู้ขับขี่อทัศนวิสัยยังมีความเคลียร์ มองเห็นชัดเจน ไม่มืด หากใครต้องการฟิล์มที่ไม่มีความสว่างมากฟิล์มกรองแสงระดับความเข้ม 60 ก็ถือว่าเหมาะสม

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 80

หากนั่งภายในรถทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ดี ไม่มืด ยังคงมองเห็น และขับขี่ได้สะดวกแม้ในเวลากลางคืน แต่ถ้ามองจากด้านนอกเข้ามาภายในรถจะมองไม่เห็น เพราะมี ความมืดของฟิล์มรถยนต์ ค่อนข้างมาก

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 100

ในตอนกลางวัน หากมองจากทัศนียภาพคนด้านในจะมองเห็นด้านนอก แต่คนที่มองเข้ามาจากด้านนอกจะไม่สามารถมองเข้ามาด้านในได้เลย จะมองเห็นเพียงสีดำของฟิล์ม และในช่วงเวลากลางคืน ถ้าข้างในเปิดไฟคนข้างนอกจึงจะสามารถมองเห็นเข้าไปข้างในได้

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ตามกฎหมาย

ระดับความเข้มของฟิล์มรถยนต์ตามกฎหมาย เท่าไหร่ถึงไม่โดนจับ !

ทุกวันนี้กฎหมายฟิล์มกรองแสงในประเทศไทยถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ช่วงปีพุทธศักราช 2543 โดยยังมีกลุ่มฟิล์มที่ยังผิดกฎหมาย นั่นก็คือฟิล์มส่งผลรบกวนต่อการขับขี่ของผู้อื่น

ตามกฎหมายพระราชบัญญัติรถยนต์ พุทธศักราช 2522 มาตรา 12 รถที่มีการจดทะเบียนแล้ว หากปรากฏในภายหลังว่ารถนั้นมีส่วนควบหรือเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถไม่ครบถ้วน ถูกต้องตามที่กฎในกระทรวงหรือเพิ่มสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจของผู้อื่น ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถนั้นจนกว่าจะจัดให้มีครบถ้วนถูกต้องหรือเอาออกแล้ว หมายถึง แสงสะท้อนจากฟิล์มปรอท หรือฟิล์มที่มีการสะท้อนสูง จนอาจย้อนแยงสายตาของผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ จนเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ไม่ได้ความหมายรวมถึงฟิล์มสีดำเข้มหรือฟิล์มดำ 80% เช่นนี้แล้วผู้ขับขี่รถย่อมสามารถที่จะเลือก ความเข้มฟิล์มรถยนต์ด้วยฟิล์มดำ กี่เปอร์เซ็นต์ก็สามารถติดได้ ไม่ถือว่าเป็นการผิดกฎหมาย

จะเห็นได้ว่าการเลือก ความเข้มฟิล์มรถยนต์ ไม่ได้เป็นเรื่องยาก แต่ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของเรา เพื่อความปลอดโปร่งและเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานขับขี่ที่มากขึ้นร่วมด้วย