รู้หรือยัง !! เคลือบแก้ว กับ เคลือบเซรามิก ต่างกันยังไง

อัพเดทล่าสุด 12/08/2023

แอบปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิกนั้น เป็นการปกป้องผิวรถของคุณ ป้องกันคราบสกปรก คราบน้ำ ฝุ่น รวมถึงรอยขนแมวและรอยขีดข่วนต่างๆ อีกทั้งยังทำให้รถมีความเงางามมากขึ้นอีกด้วย

เคลือบแก้ว (Glass Coating) เป็นนวัตกรรมปกป้องสีรถที่เริ่มมีออกมาให้บริการก่อนการ เคลือบเซรามิก (Ceramic Coating) มีความแตกต่างกันที่สารตั้งต้นของตัวน้ำยาที่ใช้เคลือบ แต่วิธีในการเตรียมผิว และวิธีการเคลือบลงบนตัวรถไม่ต่างกัน

    • เคลือบแก้ว (Glass Coating)

คือ การเคลือบแก้ว ชั้นผิวของสีตัวถังรถยนต์บนชั้น Clear Lacquer ให้หนาขึ้น โดยใช้สาร Silicon dioxide (SiO2) หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า ซิลิกา เป็นสารตัวเดียวกับที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ เป็นสารตั้งต้นและใช้สารนี้มาเคลือบไว้บนผิวรถ จึงเรียกว่าเป็นการเคลือบแก้ว ซึ่งเมื่อสารตัวนี้ทำปฏิกิริยากับอากาศก็จะแข็งตัว และจะช่วย ปกป้องผิวรถ ทำให้มีความคงทนกว่าการเคลือบสีทั่วไป อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความเงางาม

    • เคลือบเซรามิก (Ceramic Coating)

คือ การ เคลือบเซรามิค ชั้นผิวของสีตัวถังรถยนต์บนชั้น Clear Lacquer ให้หนาขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเหมือนกับการเคลือบแก้ว แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือส่วนประกอบของน้ำยาที่ใช้เป็นสารตั้งต้น โดยสารดังกล่าวจะมีอยู่หลายชนิด ทั้ง Silicon Carbide (SiC) และ Silicon dioxide (SiO2) ซึ่งเมื่อเคลือบไปกับตัวรถแล้วจะเกิดความเงา และมีความหนา แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

เคลือบแก้ว กับ เคลือบเซรามิก ต่างกันยังไง

การเคลือบแก้วจำเป็นไหมสำหรับรถใหม่?

สำหรับคำตอบนี้ มองว่าขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้รถมากกว่า สำหรับผู้ใช้รถที่ชื่นชอบการดูแลรถเป็นประจำ ล้างรถเอง เคลือบสีรถเอง มีความสุขกับการดูแลรักษารถด้วยตัวเอง การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก อาจจะยังไม่จำเป็นแต่ก็สามารถทำได้ เนื่องจากช่วยในเรื่องสร้างเกราะป้องกันให้กับชั้นสีรถ ทำให้สีรถแข็งแรง และมีความเงางามสวยมากยิ่งขึ้น

แต่สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีเวลาใน การดูแลสีรถ แต่อยากให้รถดูมีสภาพเหมือนใหม่ เงาใสตลอดเวลา เป็นรอยยาก เปื้อนยาก และล้างทำความสะอาดง่าย การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก จะตอบโจทย์ตรงนี้ เปรียบเสมือซื้อคอร์สดูแลผิวรถในระยะยาว เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับสีรถ ศูนย์บริการเหล่านั้นก็พร้อมที่จะแก้ปัญหาให้รถกลับมาเหมือนใหม่ เป็นตัวช่วยที่ทำให้เราไม่ต้องไปดูแลรถมากนัก เราเคลือบแค่ครั้งเดียว รถก็จะดูใหม่เงางามอยู่ได้เป็นระยะเวลายาวนาน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้คนมักเข้าใจผิดก็คือ การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก สามารถกันรอยได้ 100% หรือไม่มีสิ่งใดๆ ก็ตามมาทำลายสีรถได้เลย เคลือบแล้วไม่จำเป็นต้องล้างหรือทำความสะอาด ไม่ต้องดูแลรักษา ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจที่ผิด

การเลือกศูนย์บริการ อยากแนะนำให้ผู้ใช้รถทุกคนที่สนใจในการปกป้องรถโดยวิธีเหล่านี้ ก่อนเลือกร้านควรศึกษาหาข้อมูลให้แท้จริงก่อนว่า เคลือบแก้ว-เคลือบเซรามิกคืออะไร แล้วมีประโยชน์และผลเสียอย่างไรบ้าง ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับรถของเรา

เคลือบแก้ว กับ เคลือบเซรามิก ต่างกันยังไง

สรุป ทั้งการเคลือบแก้วและการเคลือบเซรามิก ทั้ง 2 ประเภทนี้

เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีในการปกป้องสีรถที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก ซึ่งจะแตกต่างกันเพียงแค่ที่สารตั้งต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่มีผลต่อการทำให้รถเงา ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมผิว ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เคลือบ รวมถึงการบริการหลังการขาย ทั้งนี้อยู่กับการตัดสินใจของเจ้ารถ และงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ ซึ่ง การดูแลล้างรถ อย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้รถมีความเงางามเหมือนใหม่ได้เช่นเดียวกัน