87 Garage บริการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกทุกชนิด รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ สองระบบทาและพ่นคุณภาพมาตรฐาน 100%

อัพเดทล่าสุด 14/08/2023

ปัจจุบันในขณะที่รถมีการพัฒนาออกรุ่นใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ กันอย่างต่อเนื่อง วิธี การดูแลรถยนต์ ก็เช่นกัน ครั้งหนึ่งในอดีตการเคลือบแว็กซ์คานูบาร์เคยเป็นที่นิยมในการดูแลสีรถ สำหรับการปกป้องสีและเพิ่มความเงางาม แต่ใครจะปฏิเสธได้ว่าในปัจจุบัน การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกเป็นการปกป้องสีรถที่นิยมที่สุดและดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้รถคุณดูเงางามเหมือนใหม่ไปตลอด

เคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก คืออะไร?

การเคลือบแก้วหรือ เคลือบเซรามิก เป็นการใช้สารละลายเคมีโพลิเมอร์นำมาใช้เคลือบบนชั้นแล็กเกอร์รถ เพื่อปกป้องสีรถจากความเสียหายภายนอก เช่น คราบสิ่งสกปรก คราบน้ำ คราบมูลนก ยางไม้และยางมะตอย ผลิตจากสารประกอบซิลิกอนไดออกไซด์ หรือเรียกภาษาเราสั้นๆว่า “ซิลิก้า” เป็นสารตัวเดียวกันกับที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ ถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นและใช้สารนี้มาเคลือบไว้บนผิวรถ มีความใสเหมือนแก้ว จึงถูกเรียกว่าเป็นการเคลือบแก้ว โดยจะสร้างชั้นป้องกันและมีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำเพิ่มเติมทำให้น้ำไม่เกาะที่ตัวสีรถช่วยให้รถสวยใสอยู่ตลอดเวลา

ในระยะหลังสารเคลือบเหล่านี้มีการใช้สารประกอบต่างออกไปจากตัวเดิม หรือเพิ่มสารประกอบอื่นๆ เข้าไป ทำให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ซึ่งหลายๆ ร้านสามารถนำมาเป็นจุดขาย และยังสามารถทำราคาได้มากขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเคลือบคริสตัล เคลือบไทเทเนียม เคลือบเรซิ่น เคลือบกราฟีน เคลือบเซรามิกอีพ็อกซี่

เคลือบแก้ว เคลืองเซรามิก ดียังไง?

การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก หรือบางครั้งเรียกว่านาโนเซรามิก เป็นวิธีการปกป้องสีรถแบบถาวรหรือกึ่งถาวร ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเคลือบที่เลือกใช้ เนื่องจากคุณสมบัติภายในทางเคมีจึงทำให้ไม่สลายตัวในสภาพอากาศปกติ เช่น ฤดูฝน ฤดูร้อนที่แสงแดดจัด หรืออากาศที่เย็นจัด การเคลือบเซรามิกจะช่วยปกป้องสี รถเป็นรอย จากรอยขนแมว และรอยขีดข่วนเล็กๆ อีกทั้งยังช่วยให้การทำความสะอาดและการดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ช่วยปกป้องรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เป็นตัวการให้สีรถหมอง นอกจากนี้การเคลือบแก้วหรือเซรามิกจะสร้างชั้นพิเศษ Hydrophobic ที่ทำให้น้ำไม่เกาะ กลิ้งเป็นเม็ดกลม ไหลออกจากตัวรถได้ง่าย และยังช่วยทำให้รถมีความเงางามเป็นพิเศษเพิ่มมากยิ่งขึ้น

วิธีการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก

วิธีการเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกรถยนต์ โดยทั่วไปในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทได้แก่ 1. ระบบทา 2. ระบบพ่น ซึ่งหลายๆ ครั้งที่มีคนถามเข้ามากันว่าแบบไหนดีกว่า เรามาดูรายละเอียดกันครับ

วิธีการเคลือบแบบระบบทาด้วยมือ (Hand made)

ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการทาน้ำยาเคลือบแก้ว หรือ น้ำยาเคลือบเซรามิก ลงบนผิวรถด้วยฟองน้ำ เป็นวิธีที่นิยมมากในร้านคาร์ดีเทลลิ่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม โดยอาศัยคุณภาพของน้ำยาและทักษะของช่างเท่านั้น สามารถใช้ได้กับน้ำยาเคลือบทุกแบรนด์ ทุกเกรด ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ ความประณีต และการเตรียมผิวที่ดีก่อนเคลือบของช่าง

ข้อดี

    • มีความสม่ำเสมอของน้ำยาที่ทาลงบนผิวรถ
    • สามารถลงน้ำยาเคลือบได้อย่างทั่วถึงในพื้นที่งานชิ้นใหญ่
    • ไม่สิ้นเปลืองน้ำยาโดยเปล่าประโยชน์ในการทำ
    • ได้ประสิทธิภาพในการปกป้องสีรถอย่างเต็มที่
    • สามารถกำหนดชิ้นส่วนในการเคลือบได้อย่างแม่นยำ

ข้อเสีย

    • มีข้อจำกัดในการทาน้ำยาให้ทั่วถึงในซอกมุมต่างๆ ของตัวรถ

วิธีการเคลือบแบบระบบพ่น (Airbrush , Spray Gun)

เป็นระบบที่มีขั้นตอนในการเตรียมการและอุปกรณ์ที่ยุ่งยากกว่าการใช้ระบบทา โดยใช้น้ำยาเคลือบเทใส่ผ่านอุปกรณ์กาพ่นเฉพาะทางและพ่นลงบนสีผิวของรถ ช่วยประหยัดเวลาในการเคลือบได้เร็วขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ระบบพ่นหลายประการ เช่น ต้องเป็นสถานที่ปิด อุณหภูมิที่เหมาะสมภายในห้อง เป็นต้น

ข้อดี

    • สามารถเก็บรายละเอียดลงน้ำยาเคลือบบนชิ้นส่วนซอกหลืบเล็กๆ ได้ดี
    • ภาพลักษณ์ที่ดูดีมากกว่าระบบทา
    • ช่วยประหยัดเวลาในการเคลือบ

ข้อเสีย

    • สูญเสียน้ำยาเคลือบที่ฟุ้งหายไปกับอากาศมากกว่าระบบทา
    • เสี่ยงต่อปัญหาชั้นเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ
    • มีความหนาแน่นที่ได้น้อยกว่าระบบทา
    • เสี่ยงต่อการโดนชิ้นงานอื่นๆ ที่ไม่ได้ต้องการเคลือบ

“87Garage” เราเคลือบแก้วเซรามิกความแข็งระดับ 10H ทั้งระบบทาและพ่นเคลือบ 3 ชั้น ด้วยสารเคลือบแบรนด์ดังระดับโลก ติดอันดับน้ำยาเคลือบเซรามิกที่ดีที่สุด พร้อมการขัดสีปรับสภาพผิวรถยนต์ก่อนเคลือบเต็มระบบเพื่อเพิ่มความเงาถึงขีดสุด โดยช่างผู้ชำนาญการและทีมงานมืออาชีพ