อัพเดทล่าสุด 14/08/2023
ปัจจุบันในขณะที่รถมีการพัฒนาออกรุ่นใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ กันอย่างต่อเนื่อง วิธี การดูแลรถยนต์ ก็เช่นกัน ครั้งหนึ่งในอดีตการเคลือบแว็กซ์คานูบาร์เคยเป็นที่นิยมในการดูแลสีรถ สำหรับการปกป้องสีและเพิ่มความเงางาม แต่ใครจะปฏิเสธได้ว่าในปัจจุบัน การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิกเป็นการปกป้องสีรถที่นิยมที่สุดและดีที่สุดอีกวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้รถคุณดูเงางามเหมือนใหม่ไปตลอด
เคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก คืออะไร?
การเคลือบแก้วหรือ เคลือบเซรามิก เป็นการใช้สารละลายเคมีโพลิเมอร์นำมาใช้เคลือบบนชั้นแล็กเกอร์รถ เพื่อปกป้องสีรถจากความเสียหายภายนอก เช่น คราบสิ่งสกปรก คราบน้ำ คราบมูลนก ยางไม้และยางมะตอย ผลิตจากสารประกอบซิลิกอนไดออกไซด์ หรือเรียกภาษาเราสั้นๆว่า “ซิลิก้า” เป็นสารตัวเดียวกันกับที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ ถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นและใช้สารนี้มาเคลือบไว้บนผิวรถ มีความใสเหมือนแก้ว จึงถูกเรียกว่าเป็นการเคลือบแก้ว โดยจะสร้างชั้นป้องกันและมีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำเพิ่มเติมทำให้น้ำไม่เกาะที่ตัวสีรถช่วยให้รถสวยใสอยู่ตลอดเวลา
ในระยะหลังสารเคลือบเหล่านี้มีการใช้สารประกอบต่างออกไปจากตัวเดิม หรือเพิ่มสารประกอบอื่นๆ เข้าไป ทำให้มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น ซึ่งหลายๆ ร้านสามารถนำมาเป็นจุดขาย และยังสามารถทำราคาได้มากขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเคลือบคริสตัล เคลือบไทเทเนียม เคลือบเรซิ่น เคลือบกราฟีน เคลือบเซรามิกอีพ็อกซี่
เคลือบแก้ว เคลืองเซรามิก ดียังไง?
การเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก หรือบางครั้งเรียกว่านาโนเซรามิก เป็นวิธีการปกป้องสีรถแบบถาวรหรือกึ่งถาวร ขึ้นอยู่กับประเภทของสารเคลือบที่เลือกใช้ เนื่องจากคุณสมบัติภายในทางเคมีจึงทำให้ไม่สลายตัวในสภาพอากาศปกติ เช่น ฤดูฝน ฤดูร้อนที่แสงแดดจัด หรืออากาศที่เย็นจัด การเคลือบเซรามิกจะช่วยปกป้องสี รถเป็นรอย จากรอยขนแมว และรอยขีดข่วนเล็กๆ อีกทั้งยังช่วยให้การทำความสะอาดและการดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ช่วยปกป้องรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่เป็นตัวการให้สีรถหมอง นอกจากนี้การเคลือบแก้วหรือเซรามิกจะสร้างชั้นพิเศษ Hydrophobic ที่ทำให้น้ำไม่เกาะ กลิ้งเป็นเม็ดกลม ไหลออกจากตัวรถได้ง่าย และยังช่วยทำให้รถมีความเงางามเป็นพิเศษเพิ่มมากยิ่งขึ้น
วิธีการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก
วิธีการเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกรถยนต์ โดยทั่วไปในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทได้แก่ 1. ระบบทา 2. ระบบพ่น ซึ่งหลายๆ ครั้งที่มีคนถามเข้ามากันว่าแบบไหนดีกว่า เรามาดูรายละเอียดกันครับ
วิธีการเคลือบแบบระบบทาด้วยมือ (Hand made)
ระบบนี้จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการทาน้ำยาเคลือบแก้ว หรือ น้ำยาเคลือบเซรามิก ลงบนผิวรถด้วยฟองน้ำ เป็นวิธีที่นิยมมากในร้านคาร์ดีเทลลิ่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม โดยอาศัยคุณภาพของน้ำยาและทักษะของช่างเท่านั้น สามารถใช้ได้กับน้ำยาเคลือบทุกแบรนด์ ทุกเกรด ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ ความประณีต และการเตรียมผิวที่ดีก่อนเคลือบของช่าง
ข้อดี
-
- มีความสม่ำเสมอของน้ำยาที่ทาลงบนผิวรถ
- สามารถลงน้ำยาเคลือบได้อย่างทั่วถึงในพื้นที่งานชิ้นใหญ่
- ไม่สิ้นเปลืองน้ำยาโดยเปล่าประโยชน์ในการทำ
- ได้ประสิทธิภาพในการปกป้องสีรถอย่างเต็มที่
- สามารถกำหนดชิ้นส่วนในการเคลือบได้อย่างแม่นยำ
ข้อเสีย
-
- มีข้อจำกัดในการทาน้ำยาให้ทั่วถึงในซอกมุมต่างๆ ของตัวรถ
วิธีการเคลือบแบบระบบพ่น (Airbrush , Spray Gun)
เป็นระบบที่มีขั้นตอนในการเตรียมการและอุปกรณ์ที่ยุ่งยากกว่าการใช้ระบบทา โดยใช้น้ำยาเคลือบเทใส่ผ่านอุปกรณ์กาพ่นเฉพาะทางและพ่นลงบนสีผิวของรถ ช่วยประหยัดเวลาในการเคลือบได้เร็วขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้ระบบพ่นหลายประการ เช่น ต้องเป็นสถานที่ปิด อุณหภูมิที่เหมาะสมภายในห้อง เป็นต้น
ข้อดี
-
- สามารถเก็บรายละเอียดลงน้ำยาเคลือบบนชิ้นส่วนซอกหลืบเล็กๆ ได้ดี
- ภาพลักษณ์ที่ดูดีมากกว่าระบบทา
- ช่วยประหยัดเวลาในการเคลือบ
ข้อเสีย
-
- สูญเสียน้ำยาเคลือบที่ฟุ้งหายไปกับอากาศมากกว่าระบบทา
- เสี่ยงต่อปัญหาชั้นเคลือบที่ไม่สม่ำเสมอ
- มีความหนาแน่นที่ได้น้อยกว่าระบบทา
- เสี่ยงต่อการโดนชิ้นงานอื่นๆ ที่ไม่ได้ต้องการเคลือบ
“87Garage” เราเคลือบแก้วเซรามิกความแข็งระดับ 10H ทั้งระบบทาและพ่นเคลือบ 3 ชั้น ด้วยสารเคลือบแบรนด์ดังระดับโลก ติดอันดับน้ำยาเคลือบเซรามิกที่ดีที่สุด พร้อมการขัดสีปรับสภาพผิวรถยนต์ก่อนเคลือบเต็มระบบเพื่อเพิ่มความเงาถึงขีดสุด โดยช่างผู้ชำนาญการและทีมงานมืออาชีพ